แนะนำนิทานหนังสือสำหรับเด็กแบบ Executive Functions

นิทานถือเป็นเรื่องเล่าอย่างหนึ่งที่มักถูกอกถูกใจเด็กๆ อยู่เสมอ ด้วยความที่นิทานคือสิ่งที่สร้างสรรค์กระบวนการความคิดในด้านต่างๆ ให้กับเด็กได้ทุกเรื่อง อีกทั้งยังสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สร้างจินตนาการชั้นดีให้กับเด็กๆ นี่จึงเป็นสิ่งโปรดปรานสำหรับเด็กทุกคนเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้นิทานไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวที่ทำให้เด็กๆ เกิดความสนุกสนาน เกิดความคิดในแบบจินตนาการอีกต่อไป แต่นิทานก็ถือว่าเป็นวิธีการเรียนรู้สำหรับเด็กอย่างหนึ่งที่จะพัฒนาให้เด็กก้าวไปในอนาคตอย่างเหมาะสม

รู้จักกับ Executive Functions 

Executive Functions หรือ EF เป็นกระบวนการทางด้านสมองส่วนหน้าของคนทุกคน มีเอาไว้สำหรับใช้เพื่อคิด รู้สึก กำหนดการประพฤติ เป็นกระบวนการที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาบ่อยๆ จนกลายเป็นทักษะสมอง สามารถคิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับผู้อื่นเป็น และมีความสุขเป็นด้วย ถือว่าเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับเด็กทุกคนไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จทางด้านการศึกษา การประกอบอาชีพในอนาคต การมองเห็นถึงคุณค่าที่มีอยู่ในตนเอง รวมถึงการมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นไปตลอดการใช้ชีวิตของเขาด้วย

ตัวอย่างนิทานสำหรับเด็กเพื่อพัฒนาในรูปแบบ Executive Functions 

  1. บิ๊กซ่าขี้โมโห – เป็นนิทานที่ส่งเสริมเกี่ยวกับ Executive Functions ทางด้านของการบอกให้เห็นถึงผลเสียหากว่าไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เกิดความเหมาะสม เมื่อบิ๊กซ่าที่มีนิสัยเป็นไดโนเสาร์จอมโมโหได้เห็นความเสียใจของตัวแม่ไดโนเสาร์ปากเป็ดที่ไข่ไดโนเสาร์ได้หายไปก็เกิดการยั้งในความคิดขึ้น ก่อนทีจะรู้สึกสำนึกว่าตัวเองทำไม่ถูกต้อง สุดท้ายก็ขอโทษผู้อื่น
  2. ลูกหมูสามตัว – นิทานระดับตำนานที่สามารถพัฒนาสมองด้าน Executive Functions ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันคือเรื่องของพี่น้องหมูสามตัวที่กำลังจะสร้างบ้าน โดยหมูสองตัวแรกใช้ฟางกับไม้ เมื่อมีหมาป่ามาก็ไม่สามารถทนทานได้ แต่สำหรับลูกหมูตัวที่สามที่ใช้เวลา 3 วันในการสร้างบ้านอย่างมุมานะจากอิฐที่มีความแข็งแรงทำให้สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย นั่นทำให้เกิดการพัฒนาเกี่ยวกับวิธีรู้จักการเอาตัวรอดอย่างเหมาะสมด้วยความพยายาม
  3. เก็บได้ให้คืน – เป็นนิทานที่จะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจ เรื่องราวคือตุ๊บป่องเก็บของมีค่าได้และเกิดความไม่มั่นใจว่าจะคืนเจ้าของหรือเก็บไว้เอง นี่คือสิ่งที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความผิดชอบชั่วดีที่เกิดขึ้นในสมอง แต่พอตุ๊กติ๊กที่เป็นพี่สาวมาพูดให้รู้สึกเห็นใจคนที่ทำของหายก็เลยเอาไปให้ครูจนได้รับคำชมจากทั้งครูและเพื่อน นั่นทำให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าของตัวเองในสมอง และนี่จัดเป็นพื้นฐานสำคัญของเด็กสำหรับการพัฒนาตนเอง